บึงกาฬ จังหวัดเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางภาคอีสานตอนบนของไทย อาจจะไม่ใช่จุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่กลับซ่อนเสน่ห์ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ไว้มากมาย ทั้งภูเขาหินรูปร่างแปลกตา น้ำตกสวยงาม และแม่น้ำโขงที่ทอดตัวยาว บึงกาฬจึงกลายเป็นสวรรค์ของนักเดินทางสายแอดเวนเจอร์ที่ต้องการสัมผัสความงดงามอันบริสุทธิ์และการผจญภัยที่ท้าทายไม่เหมือนใคร
บึงกาฬ จังหวัดเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งธรรมชาติและการผจญภัยสุดท้าทาย เป็นจุดหมายปลายทางที่สายลุยไม่ควรพลาด! ทริปแอดเวนเจอร์บึงกาฬจะพาคุณตะลุยทั้งภูเขาหิน น้ำตกสวย และกิจกรรมกลางแจ้งสุดมันส์ ตอบโจทย์คนที่รักความตื่นเต้นและต้องการเติมพลังให้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติแท้ ๆ

หนึ่งในแลนด์มาร์กที่พลาดไม่ได้คือ ภูทอก ภูเขาหินทรายขนาดใหญ่ที่มีสะพานไม้เวียนรอบภูเขา เป็นเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาแบบท้าทายสายแอดเวนเจอร์ วิวด้านบนเปิดกว้าง สามารถมองเห็นผืนป่าและทุ่งนาสีเขียวสุดลูกหูลูกตา ใครที่ชอบปีนเขาหรือเดินป่าเบา ๆ ต้องมาลองสักครั้ง
ภูทอก เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของจังหวัดบึงกาฬ ที่ไม่ว่าใครเดินทางมาถึงก็ต้องห้ามพลาด ภูเขาหินทรายสูงใหญ่ที่มีสะพานไม้เวียนรอบเขา นำทางสู่ยอดเขาที่สามารถมองเห็นวิวธรรมชาติสุดกว้างใหญ่และสวยงามสุดตา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์ที่เหมาะกับสายลุยและสายธรรมชาติอย่างแท้จริง
ความพิเศษของภูทอก
จุดเด่นของภูทอก คือสะพานไม้ที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างขึ้นทีละนิด ใช้เวลานานถึง 5 ปี เพื่อทำเส้นทางเดินขึ้นเขาแบ่งเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีจุดแวะพัก ชมวิว และสักการะพระพุทธรูป บรรยากาศระหว่างทางเต็มไปด้วยความสงบ ร่มรื่น และเมื่อเดินถึงชั้นบนสุด คุณจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ 360 องศา มองเห็นทุ่งนา ป่าไม้ และแม่น้ำโขงในระยะไกลอย่างงดงาม
เหมาะกับใคร?
- นักเดินทางสายแอดเวนเจอร์ที่ชอบความท้าทาย
- สายธรรมชาติที่อยากหามุมสงบพักใจ
- นักถ่ายภาพที่มองหาภาพวิวอลังการไม่ซ้ำใคร
ข้อควรรู้ก่อนขึ้นภูทอก
- เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เช้าตรู่ถึงเย็น แนะนำให้มาแต่เช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น
- ควรสวมรองเท้าผ้าใบและเสื้อผ้าที่คล่องตัว
- ระมัดระวังขณะเดินบนสะพานไม้ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่พื้นอาจลื่น
- ปัจจุบันเพื่อความปลอดภัย เปิดให้เดินขึ้นได้ถึงชั้น 5 เท่านั้น (โปรดตรวจสอบข้อมูลล่าสุดอีกครั้งก่อนเดินทาง)

สำหรับคนรักสายน้ำ น้ำตกถ้ำพระ คืออีกจุดที่ห้ามพลาด น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนป่าเขียวขจี มีลานหินกว้างและแอ่งน้ำให้เล่นน้ำแบบสดชื่นสุด ๆ เหมาะกับการมาเดินเทรลเบา ๆ แล้วแวะเล่นน้ำให้หายเหนื่อย
น้ำตกถ้ำพระ คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของจังหวัดบึงกาฬ เหมาะสำหรับสายลุยที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายไปสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ด้วยบรรยากาศของผืนป่าสีเขียวและสายน้ำตกที่ไหลผ่านลานหินธรรมชาติ น้ำตกถ้ำพระจึงเป็นเหมือนโอเอซิสกลางป่าใหญ่ที่รอให้นักเดินทางไปค้นพบ
ความน่าสนใจของน้ำตกถ้ำพระ
- น้ำตกถ้ำพระตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติภูลังกา มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดกลางที่ไหลลดหลั่นลงมาตามชั้นหิน สร้างลานหินกว้างและแอ่งน้ำที่สามารถลงเล่นได้ บริเวณโดยรอบร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาชนิด ทำให้บรรยากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
- บริเวณใกล้น้ำตกมีถ้ำหินที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ถ้ำพระ” นั่นเอง นอกจากเล่นน้ำเย็น ๆ แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเทรลสั้น ๆ ชมธรรมชาติหรือปิกนิกริมน้ำตกได้ด้วย
กิจกรรมห้ามพลาด
- เดินเทรลชมป่าและลำธารธรรมชาติ
- เล่นน้ำที่แอ่งน้ำตกเย็นฉ่ำ
- นั่งพักผ่อนและปิกนิกท่ามกลางเสียงน้ำตก
- ถ่ายรูปบรรยากาศป่าเขียวชอุ่มแบบฟิลเขียว ๆ สดชื่น
ข้อควรรู้ก่อนไปน้ำตกถ้ำพระ
- ฤดูที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว (กรกฎาคม – พฤศจิกายน) เพราะน้ำตกจะมีน้ำสวย
- เตรียมเสื้อผ้าเปลี่ยน และรองเท้าสำหรับลุยน้ำ
- รักษาความสะอาด และช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ

อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์ของทริปแอดเวนเจอร์บึงกาฬก็คือ ล่องแก่งลำน้ำโขง ที่อำเภอบึงโขงหลง ช่วงฤดูน้ำหลาก กระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยว เพิ่มความมันส์และความท้าทายได้เต็มที่ สำหรับใครที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งและไม่กลัวเปียก บอกเลยว่าคุณจะหลงรักที่นี่
ถ้าพูดถึงกิจกรรมสุดมันส์ในบึงกาฬ นอกจากเดินป่าและเล่นน้ำตกแล้ว การ ล่องแก่งบึงกาฬ ก็คือไฮไลต์ที่สายลุยต้องไม่พลาด! สนุกกับการฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวในลำน้ำโขงและลำน้ำสายสำคัญ พร้อมชมทิวทัศน์ธรรมชาติสองฝั่งน้ำที่ยังอุดมสมบูรณ์
จุดเด่นของการล่องแก่งบึงกาฬ
กิจกรรมล่องแก่งที่บึงกาฬส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณ ลำน้ำโขง หรือ ลำน้ำสาขาในอำเภอบึงโขงหลง ที่มีระดับความเชี่ยวตั้งแต่เบา ๆ ไปจนถึงกลาง ๆ เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมือโปร การล่องแก่งที่นี่จะพาคุณผ่านโขดหิน ต้นไม้ และเกาะแก่งธรรมชาติ ที่ทั้งสวยงามและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
บางช่วงของเส้นทาง จะมีแก่งน้ำเชี่ยวที่ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม ทั้งพายหลบซ้ายหลบขวา และช่วงที่น้ำไหลแรงพิเศษก็อาจมีเซอร์ไพรส์ให้ลุ้นกันสุดตัว เพิ่มความมันส์จนลืมเหนื่อยไปเลย!
ช่วงเวลาที่เหมาะกับการล่องแก่ง
- เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม เป็นช่วงน้ำหลาก กระแสน้ำแรง ล่องได้มันส์สุด ๆ
- เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ น้ำจะนิ่งขึ้น เหมาะกับมือใหม่หัดล่อง
การเตรียมตัวสำหรับล่องแก่งบึงกาฬ
- สวมเสื้อผ้าที่เบา แห้งไว และรองเท้ารัดส้น
- ใส่อุปกรณ์เซฟตี้ให้ครบ เช่น เสื้อชูชีพ หมวกกันกระแทก (มีบริการให้)
- ฟังคำแนะนำจากไกด์อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย
- พกกล้องกันน้ำหรือ GoPro เก็บโมเมนต์สุดมันส์ (ถ้าอยากถ่ายรูป)
ทริปล่องแก่งแนะนำ
ล่องแก่งที่ลำน้ำใส อำเภอบึงโขงหลง: เส้นทางธรรมชาติสวยงาม ระยะทางประมาณ 5-7 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องประมาณ 2-3 ชั่วโมง
สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติใกล้เคียงที่น่าไป

บึงโขงหลง
ถ้าพูดถึงบึงกาฬ นอกจากภูทอกและน้ำตกต่าง ๆ แล้ว อีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ บึงโขงหลง บึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่โอบล้อมด้วยทิวเขาเขียวขจี บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ และสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด
ความน่าสนใจของบึงโขงหลง
บึงโขงหลง มีพื้นที่กว่า 22,000 ไร่ เป็นบึงธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งพืชน้ำ นกน้ำ และสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “อัญมณีแห่งอีสาน” นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งดูนกยอดนิยม เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติ
ในช่วงเช้าและเย็น จะเห็นแสงแดดสะท้อนกับผิวน้ำเป็นสีทองสวยงาม และบางช่วงฤดู จะมีหมอกบาง ๆ ปกคลุมผิวน้ำ ให้บรรยากาศสุดโรแมนติกแบบหาดูได้ยาก
กิจกรรมที่น่าสนใจที่บึงโขงหลง
- พายเรือคายัค ชมธรรมชาติรอบบึงอย่างใกล้ชิด
- ปั่นจักรยาน รอบบึงบนเส้นทางธรรมชาติ
- ดูนกน้ำ เช่น นกเป็ดน้ำ นกกาน้ำ นกกระสา
- นั่งเล่น-ปิกนิก ริมบึง บรรยากาศเงียบสงบสุด ๆ
ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวบึงโขงหลง
- เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย และเป็นฤดูดูนก
- ช่วงเช้ามืดหรือเย็น จะได้เห็นบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยมาก
ข้อควรรู้ก่อนเที่ยวบึงโขงหลง
- เตรียมหมวกกันแดด ครีมกันแดด และน้ำดื่มให้พร้อม
- หากต้องการพายเรือ แนะนำให้ติดต่อเช่าเรือกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
- รักษาความสะอาดและไม่รบกวนสัตว์ป่า

หินสามวาฬ
หินสามวาฬ คือหนึ่งในแลนด์มาร์กสุดฮิตของจังหวัดบึงกาฬ ที่นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติและสายถ่ายรูปต้องห้ามพลาด! กลุ่มก้อนหินขนาดมหึมาที่มีรูปร่างคล้ายครอบครัววาฬกำลังแหวกว่ายอยู่กลางผืนป่า สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้มาเยือนแบบสุด ๆ
ความน่าสนใจของหินสามวาฬ
หินสามวาฬตั้งอยู่ในเขต ป่าอุทยานแห่งชาติภูลังกา เป็นหินทรายขนาดใหญ่ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 75 ล้านปี เกิดจากการกัดเซาะของลมและฝนจนมีรูปร่างเหมือนวาฬ 3 ตัว เรียงกัน คือ “พ่อวาฬ” “แม่วาฬ” และ “ลูกวาฬ”
ไฮไลต์ของการมาเยือนคือการเดินขึ้นไปบนหลัง “พ่อวาฬ” เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกแบบ 360 องศา มองเห็นทั้งป่าเขา แม่น้ำโขง และแม้กระทั่งฝั่งประเทศลาวในวันที่อากาศแจ่มใส บรรยากาศที่นี่ทั้งอลังการและสงบในเวลาเดียวกัน
กิจกรรมที่ห้ามพลาดที่หินสามวาฬ
เดินชมวิวบนหลังหินยาว ๆ กว่า 300 เมตร
- ถ่ายรูปกับฉากหลังเป็นทะเลหมอก (ถ้ามาช่วงฤดูหนาว)
- นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นสุดโรแมนติก
- สัมผัสธรรมชาติบริสุทธิ์ และฟังเสียงป่าอย่างเงียบสงบ
ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการเที่ยวหินสามวาฬ
- ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์): อากาศเย็น มีทะเลหมอก
- ฤดูฝน (กรกฎาคม – ตุลาคม): ป่าสีเขียวสดชื่น บรรยากาศชุ่มฉ่ำ
- แนะนำให้มาตอน เช้ามืดหรือช่วงเย็น เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ที่สวยที่สุด
ข้อควรรู้ก่อนขึ้นหินสามวาฬ
- ต้องใช้บริการรถรับส่งของชุมชนท้องถิ่นเท่านั้น (ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้น)
- สวมรองเท้าผ้าใบ และเตรียมน้ำดื่มให้พร้อม
- รักษาความสะอาดและช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ

ถ้ำนาคา
ถ้ำนาคา คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดลึกลับและน่าค้นหาแห่งจังหวัดบึงกาฬ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติและตำนานความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค ด้วยลักษณะหินที่ดูคล้ายลำตัวพญานาคขนาดยักษ์ ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับนักเดินทางสายผจญภัยและผู้ที่สนใจเรื่องราวลี้ลับ
ความน่าสนใจของถ้ำนาคา
ถ้ำนาคาตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติภูลังกา มีลักษณะเด่นคือ หินทรายขนาดใหญ่ที่มีลวดลายเสมือนเกล็ดพญานาคเรียงต่อกันเป็นแนวยาว บางช่วงโค้งงอเหมือนลำตัว บางช่วงมีลักษณะคล้ายหัวพญานาคอย่างน่าอัศจรรย์ เชื่อกันว่าถ้ำนาคาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีพลังแห่งธรรมชาติและจิตวิญญาณที่คอยปกปักรักษาพื้นที่แห่งนี้
นอกจากความงดงามของหินรูปร่างประหลาดแล้ว เส้นทางเดินป่ายังผ่านป่าเขียวชอุ่ม น้ำตกเล็ก ๆ และหินรูปร่างแปลกตาอีกมากมาย เช่น หินหัวงู, หินงอยพระบาท, หินโลมา และอีกหลายจุดน่าอัศจรรย์
กิจกรรมที่น่าสนใจในถ้ำนาคา
- เดินป่าไต่เขา ชมธรรมชาติระหว่างทาง
- ถ่ายรูปกับหินพญานาคสุดมหัศจรรย์
- ไหว้ขอพร เสริมโชคลาภตามความเชื่อท้องถิ่น
- สัมผัสเสน่ห์ของธรรมชาติอันลึกลับและศักดิ์สิทธิ์
ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวถ้ำนาคา
- ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์): อากาศเย็น เดินป่าสบาย
- ฤดูฝน (กรกฎาคม – ตุลาคม): ธรรมชาติชุ่มฉ่ำ แต่เส้นทางอาจลื่น ต้องระวัง
ข้อควรรู้ก่อนเที่ยวถ้ำนาคา
- ต้องจองคิวเข้าชมผ่านแอปพลิเคชัน QueQ ล่วงหน้า
- จำกัดจำนวนผู้เข้าต่อวัน เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ
- เส้นทางเดินขึ้น-ลง รวมระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาไป-กลับประมาณ 5-6 ชั่วโมง
- สวมรองเท้ากันลื่น เสื้อผ้ารัดกุม และเตรียมน้ำดื่มพกติดตัว
- เคารพสถานที่ และปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุทยานอย่างเคร่งครัด
เคล็ดลับสำหรับทริปแอดเวนเจอร์บึงกาฬ
- เลือกเดินทางช่วงฤดูหนาวถึงต้นร้อน (พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์) อากาศเย็นสบาย
- เตรียมรองเท้าผ้าใบสำหรับเดินป่า และเสื้อผ้าที่พร้อมเปียกสำหรับกิจกรรมล่องแก่ง
- อย่าลืมพกกล้องถ่ายรูปหรือ GoPro ไปเก็บภาพความประทับใจด้วยนะ
ทริปแอดเวนเจอร์บึงกาฬ คือการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้คุณได้สัมผัสทั้งความตื่นเต้นจากกิจกรรมกลางแจ้ง และความสวยงามของธรรมชาติแบบอันซีน หากคุณกำลังมองหาทริปที่ทั้งมันส์ ทั้งได้พักใจ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ บึงกาฬคือคำตอบที่ใช่ที่สุด
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายรอคุณอยู่ เที่ยวสายลุย นราธิวาส , กิจกรรมสุดมันส์ น่าน สนุกสุดขีด